กรุงเทพ – อยุธยา
1 วันเต็ม
คณะพร้อมกัน ณ จุดนัดหมาย (จุดจอดรถ เดอะบาซาร์ รัชดาภิเษก แยกรัชดา ลาดพร้าว ฝั่งเซเว่น) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับ เพื่อความปลอดภัยในการท่องเที่ยวและเป็นไปตามมาตรฐาน SHA เจ้าหน้าที่จะทาการตรวจวัดอุณหภูมิของลูกค้าเพื่อคัดกรองก่อนขึ้นรถ บนรถจะมีแอลกอฮอล์เจลล้างมือให้บริการ และเว้นระยะห่างการนั่งในรถ
ออกเดินทางสู่ จังหวัด พระนครศรีอยุธยา โดยรถบัสปรับอากาศ
เดินทางถึง วัดไผ่ล้อม ตาบลสะพานไทย อาเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้นเป็นวัดตั้งแต่ปี พ.ศ.2275 แต่เดิมวัดมีก่อไผ่ล้อมรอบ จึงได้ชื่อว่าวัดไผ่ล้อม และไม่ปรากฏหลักฐานเจ้าอาวาสองค์แรกจนถึงสมัยหลวงพ่อตรุด ซึ่งในสมัยนั้นหลวงพ่อตรุดเป็นพระสงฆ์ที่มีความรู้ความสามารถหลายด้าน และเมตตาสอนหนังสือให้กับบรรดาลูกชาวบ้านในและแวกวัดไผ่ล้อมทั้งหนังสือไทยและอักษรขอม ภายในวัดทุกท่านยังสามารถท้าบุญ บริจาคทาน ให้อาหารปลา และกราบสักการะ “พระพุทธเมตตามหาลาภ” พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของวัดมีทัศนียภาพที่งดงาม
นาท่านเดินทางต่อไปยังวัดตูม ตั้งอยู่ริมถนนสายประตูชัย เป็นวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยใช้เป็นที่สาหรับลงเครื่องพิชัยสงคราม วัดตูมได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมาและได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงในรัชกาลที่ 4 โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดาเนินมาทรงบาเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินหลายครั้ง และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้มีการทาพิธีลงยันต์และอักขระลงในธงพระครุฑผ่าห์เพื่อพระราชทานเป็นธงไชยเฉลิมพลแก่ทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สาคัญภายในวัดตูม คือ “หลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์” เป็นพระพุทธรูปสาริดทรงเครื่องปางมารวิชัย โดยมีลักษณะพิเศษ คือ บนพระเศียรขององค์พระสามารถเปิดออกและมีน้าไหลซึมออกมาตลอดเวลา เชื่อกันว่าเป็นน้ามนต์ศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาโรคภัยให้หายได้ และผู้มาขอพรมักจะประสบผลสาเร็จ โดยเฉพาะในด้านอาชีพหน้าที่การงาน
นาท่านเข้าชม บ้ำนของพ่อ หรือของศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ศูนย์ฯการเผยแพร่ความรู้เกษตรทฤษฎีใหม่แก่บุคคลทั่วไป สามารถเข้ามาศึกษาเรียนรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9)
นาท่านเดินทางไปยังตลำดโก้งโค้ง ตลาดโบราณย้อนยุคของชาวบ้านอยุธยา ตั้งอยู่ที่ ถ. บางปะอิน วัดพนัญเชิง ต. ขนอนหลวง ตลาดแห่งนี้เปิดขายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เป็นตลาดเอกชนซึ่งมีแนวคิดอยากให้ผู้คนในพื้นที่มีที่ทางทามาค้าขาย และขยับขยายขายดีกันเรื่อยมา จนปัจจุบันเป็นหนึ่งในตลาดน่าเที่ยวของอยุธยา ส่วนที่มาของคาว่าโก้งโค้งคือสมัยก่อนพ่อค้าแม่ค้าจะวางสิ่งของบนพื้นหรือในลาเรือ ผู้คนที่มาจับจ่ายจึงต้องโก้งโค้งดูสินค้า ว่ากันว่าการโก้งโค้งของชาวอยุธยาสมัยอดีตทาได้อ่อนน้อมมากๆ ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้า ของฝากตามอัธยาศัย
ออกเดินทางสู่ ศูนย์บริกำรท่องเที่ยวอยุธยำ จังหวัดอยุธยา ซึ่งเดิมเป็นศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้านหน้าอาคารมีรูปปั้นกษัตริย์และวีรกษัตริย์สาคัญสมัยอยุธยา 6 องค์คือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ สมเด็จพระสุริโยทัย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระนารายณ์มหาราช และสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรี เข้าเยี่ยมชมหอนิทรรศการประวัติศาสตร์อยุธยา ที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์ท่องเที่ยว พร้อมที่จะให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในสไตล์การท่องเที่ยวแบบใหม่
นาท่านเดินทางสู่ วัดเสนำสนำรำมวรวิหำร เดิมชื่อ “วัดเสือ” เป็นวัดโบราณ สร้างตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา อยู่ในกาแพงหน้า ได้รับการปฏิสังขรณ์โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โดยปฏิสังขรณ์ทั้งวัด แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2406 และพระราชทานนามใหม่ว่า วัดเสนาสนาราม นมัสการ กราบพระนอน สักการะพระพุทธรูปปางพยาบาลภิกษุอาพาธ และขอพรพระอินทร์แปลงกาย ศาสนสถานที่สาคัญของวัดได้แก่ พระอุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยา หน้าบันด้านหน้าและด้านหลังเป็นไม้แกะสลักปิดทอง ประดับกระจกรูปช้างเอราวัณ ขนาบด้วยฉัตร เหนือเศียรช้างเอราวัณมีพระราชลัญจกรในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือรูปพระมหามงกุฏ ภายในพระอุโบสถมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งเป็นภาพวาดในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกเหนือจากพระอุโบสถ ยังมีพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ และพระวิหารพระอินทร์แปลงซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัด ภายในพระวิหาร มีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งยังคงความงดงามจนถึงปัจจุบัน
นาท่านเดินทางสู่ วัดศำลำปูนวรวิหำร พระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหารณ วัดแห่งนี้มีโบราณวัดถุที่สาคัญคือพระพุทธรูปโบราณ “หลวงพ่อแขนลาย” พระพุทธรูปหน้าตักกว้าง 29 นิ้ว ศิลปสมัยก่อนอยุธยา
ลักษณะคล้ายพระอัครสาวกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ พระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร ซึ่งแขนด้านหนึ่งขององค์พระมีการลงอักขระยันต์ไว้อย่างชัดเจน เชื่อกันว่าเป็นรูปเคารพของพระบรมไตรโลกนาถและพระศรีอารย์ เป็นที่เล่าลือถึงความศักดิ์สิทธิ์และการบนบานศาลกล่าวที่ประสบความสาเร็จในหลายๆ เรื่อง เคยถูกขโมยหลายครั้งแต่ไม่สามารถนาองค์พระออกไปได้